7 Wonders Of The World
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่จัดทำขึ้นโดยองค์กรของสวิตเซอร์แลนด์ THE NEW OPEN WORLD CORPORATION หรือ NOWC และได้ผลสรุปที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2550
ที่แรก คือ ชิเชน อิตซา หรือ CHICHEN ITZA
ชิเชน
อิตซา
เป็นแหล่งโบราณคดีขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยชาวมายา
ตั้งอยู่ในคาบสมุทรยูกาตัง รัฐยูกาตัง
ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเม็กซิโก
ชิเชนอิตซาเป็นเมืองหนึ่งที่พวกมายาสร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ของเทพเจ้าผู้ทรงกระหายเลือด
ชิเชน อิตซามีลักษณะเป็นพีระมิดเป็นชั้นที่ลดหลั่นลงมา มีบันไดอยู่ตรงกลาง บนยอดเป็นแท่นบูชาสำหรับทำพิธีกรรมสังเวยแด่เทพเจ้า ชนเผ่ามายาได้เชื่อว่าเป็นชนเผ่าที่มีความป่าเถื่อนในการบูชายันมนุษย์ แต่ก็ได้เชื่อว่ามีความรู้ทางด้านภาษา คณิตศาสตร์และดาราศาสตร์อยู่มากเช่นกัน
สถานที่ที่สอง คือ รูปปั้นพระเยซูคริสต์ หรือ CHRIST REDEEMER
ชิเชน อิตซามีลักษณะเป็นพีระมิดเป็นชั้นที่ลดหลั่นลงมา มีบันไดอยู่ตรงกลาง บนยอดเป็นแท่นบูชาสำหรับทำพิธีกรรมสังเวยแด่เทพเจ้า ชนเผ่ามายาได้เชื่อว่าเป็นชนเผ่าที่มีความป่าเถื่อนในการบูชายันมนุษย์ แต่ก็ได้เชื่อว่ามีความรู้ทางด้านภาษา คณิตศาสตร์และดาราศาสตร์อยู่มากเช่นกัน
หอดูดาว |
สิ่งก่อสร้างต่างๆในชิเชนอิตซา |
สถานที่ที่สอง คือ รูปปั้นพระเยซูคริสต์ หรือ CHRIST REDEEMER
รูปปั้นพระเยซูคริสต์ตั้งอยู่บนยอดเขากอร์โกวาดู
ประเทศบราซิล มีความสูงราว 38 เมตร โดยได้รับการออกแบบโดย เอโตร์ ดา ซิลวา
กอชตา ชาวบราซิล และสร้างโดย ปอล ลันดอฟสกี
ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ โดยใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี
รูปปั้นพระเยซูได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของนครริโอเดอจาเนโร และเป็นที่ยึดเหนียวทางจิตใจของชาวบราซิล ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาราวปีละ 1,800,000 รายต่อปี
กำแพงเมืองจีนเป็นกำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วงๆของจีนสมัยโบราณ กำแพงส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นในราชวงศ์ฉิน เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกฮันส์หรือชนเผ่าซยงหนู กำแพงเมืองจีนเป็นกำแพงที่กั้นระหว่างพรมแดนจีนกับธิเบต ยาวประมาณ 2,400 กิโลเมตร กำแพงเมืองจีนถูกเชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างสิ่งเดียวของมนุษย์ที่สามารถมองเห็นจากนอกโลกได้ และเป็นสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ที่ยาวที่สุดในโลก กำแพงเมืองจีนยังถูกจัดให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย
สถานที่ที่ 4 คือ มาชูปิกชู หรือ MACHU PICCHU
สถานที่ที่ 5 คือ นครเปตรา หรือ PETRAรูปปั้นพระเยซูได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของนครริโอเดอจาเนโร และเป็นที่ยึดเหนียวทางจิตใจของชาวบราซิล ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาราวปีละ 1,800,000 รายต่อปี
กำแพงเมืองจีนเป็นกำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วงๆของจีนสมัยโบราณ กำแพงส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นในราชวงศ์ฉิน เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกฮันส์หรือชนเผ่าซยงหนู กำแพงเมืองจีนเป็นกำแพงที่กั้นระหว่างพรมแดนจีนกับธิเบต ยาวประมาณ 2,400 กิโลเมตร กำแพงเมืองจีนถูกเชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างสิ่งเดียวของมนุษย์ที่สามารถมองเห็นจากนอกโลกได้ และเป็นสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ที่ยาวที่สุดในโลก กำแพงเมืองจีนยังถูกจัดให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย
สถานที่ที่ 4 คือ มาชูปิกชู หรือ MACHU PICCHU
มาชู ปิกชู หรือนิยมเรียกว่า เมืองสาบสูญแห่งอินคา
ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงในเปรู เป็นอารยธรรมที่ได้ถูกลืมเลือนไป
จนกระทั่งมีนักโบราณคดีชื่อ ไฮแรม บิงแฮม มาพบเมื่อปี พ.ศ.2454
มาชู ปิกชู คาดว่าถูกสร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1450 โดยจักรพรรดิปาชากูตีของชาวอินคา สาเหตุที่มาชู ปิกชูถูกทิ้งร้างไว้หลายร้อยปีเพราะชาวสเปนได้เข้ามาล่าอาณานิคมและฆ่าชาวเปรูและชาวอินคา
มาชู ปิกชู คาดว่าถูกสร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1450 โดยจักรพรรดิปาชากูตีของชาวอินคา สาเหตุที่มาชู ปิกชูถูกทิ้งร้างไว้หลายร้อยปีเพราะชาวสเปนได้เข้ามาล่าอาณานิคมและฆ่าชาวเปรูและชาวอินคา
แผนที่แแสดงที่ตั้งของมาชู ปิกชู |
นครเปตรา
เป็นนครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาวาดี มูซา
ซึ่งเป็นหุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซกับทะเลอัคบาในประเทศจอร์แดน
ถูกสร้างขึ้นโดยชาวบานาเทียนซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนกลางทะเลทรายอาหรับ
นครแห่งนี้เดิมเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า
700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท
เดินทางมาพบเข้าเมื่อปปี พ.ศ.2355
เพื่อเป็นอนุสรณ์ความรักแด่พระมเหสีมุมทัช มาฮาลทัชมาฮาลเป็นสุสานหินอ่อนที่เชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยงามที่สุดในโลก
สร้างโดยสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ ชะฮัน แห่งจักรวรรดิโมกุล
ทัชมาฮาลสร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ.1630-1648 ณ สวนริมฝั่งแม่น้ำยมนา เมืองอัครา ประเทศอินเดีย ออกแบบโดยอุสตาด ไอสา และสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ทัชมาฮาลได้รับการรับรองจากสถาปนิกทั่วโลกว่าสร้างได้ถูกสัดส่วนและงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 100 เมตร ตรงกลางมีโดมสูง60 เมตร มีหอสูงมีโดมอยู่บนรอบทั้ง 4 มุม ภายใต้โดมใหญ่มีโลงหินอ่อนประดับด้วยอัญมณีมากมายบรรจุอยู่ แต่โลงพระศพจริงๆอยู่ในอุโมงค์ข้างใต้
สถานที่สุดท้าย คือ โคลอสเซียม หรือ COLOSSEUM
ทัชมาฮาลสร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ.1630-1648 ณ สวนริมฝั่งแม่น้ำยมนา เมืองอัครา ประเทศอินเดีย ออกแบบโดยอุสตาด ไอสา และสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ทัชมาฮาลได้รับการรับรองจากสถาปนิกทั่วโลกว่าสร้างได้ถูกสัดส่วนและงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 100 เมตร ตรงกลางมีโดมสูง60 เมตร มีหอสูงมีโดมอยู่บนรอบทั้ง 4 มุม ภายใต้โดมใหญ่มีโลงหินอ่อนประดับด้วยอัญมณีมากมายบรรจุอยู่ แต่โลงพระศพจริงๆอยู่ในอุโมงค์ข้างใต้
สถานที่สุดท้าย คือ โคลอสเซียม หรือ COLOSSEUM
เป็นสนามกกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่
ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม
เริ่มสร้างในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมันและเสร็จในสมัยจักรพรรดิไททัส
อัฒจันทร์ถูกออกแบบเป็นวงรีเพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา
สามารถบรรจุได้ 50,000 คน
และมีการออกแบบให้มีทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะฝนตก
ใช้เวลาในการก่อสร้าง 10 ปี
ภายใต้สถานที่แห่งนี้มีห้องสำหรับขังทาส นักโทษและสัตว์ดุร้ายต่างๆ เช่น สิงโต โดยจะให้ทาสสู้กันเองจนกว่าจะเหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจึงจะได้อิสรภาพ หรือ ให้นักโทษสู้กับสิงโตที่หิวโซเนื่องจากโดนจับให้อดอาหาร ในแต่ละปีมีนักโทษและทาสตายไม่ต่ำกว่า 100 คน โคลอสเซียมถูกจัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วย
ภายใต้สถานที่แห่งนี้มีห้องสำหรับขังทาส นักโทษและสัตว์ดุร้ายต่างๆ เช่น สิงโต โดยจะให้ทาสสู้กันเองจนกว่าจะเหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจึงจะได้อิสรภาพ หรือ ให้นักโทษสู้กับสิงโตที่หิวโซเนื่องจากโดนจับให้อดอาหาร ในแต่ละปีมีนักโทษและทาสตายไม่ต่ำกว่า 100 คน โคลอสเซียมถูกจัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วย